ระบบประมวลผลเหนือเมฆ 

 

 

     Google คือผู้ใช้ประโยชน์จากระบบเครือข่ายชนิดนี้อย่างเด่นชัดและใกล้ชิดกับเรามากที่สุดดังเช่นบริการ Google Document, Google Map, Google Earth หรือแม้แต่ Blog ที่กำลังเขียนบทความอยู่นี้ก็ทำงานบนพื้นฐานของระบบ Cloud System ของ Google เช่นกัน  ในที่นี้ขอยกตัวอย่างการใช้งาน Google Document ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นสำหรับพิมพ์เอกสาร เช่นเดียวกับ Microsoft Office  แต่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมหรือมีโปรแกรมอยู่ในเครื่องก็สามารถพิมพ์งานได้ โดยอาศัยซอฟต์แวร์และการประมวลผลที่อยู่บนฝั่ง Cloud System  และสามารถทำงานร่วมกันได้แบบ Real Time อย่างมีประสิทธิภาพราบรื่นระหว่างผู้ใช้คนอื่นๆอีกด้วย คือสามารถพิมพ์เอกสารร่วมกันได้แบบสดๆ เหมือนคนหลายคนจับปากกามายำเขียนในกระดาษแผ่นเดียวกันในเวลาเดียวกันได้อย่างไม่ติดขัด  เช่นเดียวกับ Google Maps ที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมแผนที่ลงในเครื่องก็สามารถใช้ดูและใช้ลูกเล่นต่างๆบนแผนที่นั่นได้อย่างเต็มที่  ทั้งหมดกระทำผ่าน Web Browser มาตรฐานเพียงตัวเดียวเท่านั้น เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณขอแค่มีเพียงโปรแกรมเรียกชมเว็บไซต์หรือที่เรียกว่า Web Browser และเชื่อมต่ออินเตอร์เนตได้เท่านั้น ก็สามารถทำงานแทบจะทุกอย่างอย่างราบรื่นและเป็นปัจจุบันอีกด้วย และที่สำคัญไม่จำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง และไม่จำกัดระบบปฏิบัติการ นั่นหมายความว่านอกจากจะลดต้นทุนด้านฮาร์ดแวร์ได้แล้ว ยังลดต้นทุนด้านซอฟต์แวร์ได้อีกด้วย 

 

      ปัจจุบันซอฟต์แวร์ต่อต้านไวรัสหลายๆตัวก็นำระบบ Cloud System นี้เข้ามาใช้ประโยชน์ในด้านการลดการหน่วงเครื่องในสถาการณ์ที่ต้องการกำลังประมวลผลมากๆ ก็จะถูกส่งไปทำงานบน Cloud System แทนที่จะรบกวนทรัพยากรเครื่องผู้ใช้เอง และอนาคตระบบลักษณะนี้จะถูกนำมาใช้มากขึ้นจนเป็นเรื่องปกติธรรมดากับอุปกรณ์ Mobile เพราะโทรศัพท์มือถือรวมถึง Tablet นั้นจัดว่าเป็นอุปกรณ์มีกำลังประมวลผลไม่มาก เรียกว่ายังห่างไกลจากเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่หลายเสาไฟ ดังนั้นการทำงานกับ App ที่หนักๆจึงต้องการพึ่งพา Cloud System อย่างมากเลยทีเดียว